22/7/55

Le Tour de France



              Le Tour de France  
               หรือบางครั้งเรียกว่า  La Grande Boucle  และ  Le Tour  เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลรอบประเทศฝรั่งเศส  ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา  3  สัปดาห์  ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี  เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่  ค.ศ. 1903  จนถึงปัจจุบัน ( เว้นการจัดแข่งขันในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง )  Le Tour de France  เป็นการแข่งขันจักรยานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก  เป็นการแข่งขันจักรยานทางไกลหนึ่งในสามรายการใหญ่ที่จัดแข่งขันในยุโรป  รวมแรกว่า  แกรนด์ทัวร์  โดยอีกสองรายการคือ
- Giro d'Italia  จัดในอิตาลี ช่วงเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนมิถุนายน
- Vuelta a Espana  จัดในสเปนช่วงเดือนกันยายน
                การแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี  ค.ศ. 1903  เกิดขึ้นเนื่องจากการท้าทายกันทางหน้าหนังสือพิมพ์ของฝรั่งเศสชื่อ  L'Auto  มีนักแข่งเข้าร่วมถึงจำนวน  60  คน  แต่สามารถเข้าเส้นชัยได้เพียง  21  คน  ซึ่งกิตติศัพท์ความยากลำบากในการแข่งขัน  ทำให้การแข่งขันนี้เป็นที่สนใจ  และมีผู้ชมการแข่งขันช่วงสุดท้ายในกรุงปารีส  ตามสองฟากถนนระหว่างทางราว  100,000  คน  และกลายเป็นประเพณี  การแข่งขันทุกครั้งจะไปสิ้นสุดที่ประตูชัย  จตุรัสเดอเลตวล  ปารีส
               ในปี  ค.ศ.  1910  เริ่มมีการจัดเส้นทางการแข่งขันเข้าไปในเขตเทือกเขาแอลป์  ปัจจุบันเส้นทางการแข่งขันจะผ่านทั้งเทือกเขาแอลป์  ทางตะวัน  และเทือกเขาพีเรนีสทางตอนใต้ของฝรั่งเศส  การแข่งขันจะแบ่งเป็นช่วงเพื่อเก็บคะแนนสะสม  ผู้ชนะในแต่ละช่วงจะได้รับเสื้อ เพื่อสวมใสในวันต่อไป  โดยมีสีที่เฉพาะสำหรับผู้ชนะในแต่ประเภท  คือ
- สีเหลือง  ( maillot jaune )  สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด
- สีเขียว  ( maillot vert )  สำหรับผู้ชนะในแต่ละสเตจ
- สีขาวลายจุดสีแดง  ( maillot à pois rouges )  สำหรับผู้ชนะในเขตภูเขา  ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า  จ้าวภูเขา  King of the Mountains
- สีขาว  ( maillot blanc )  สำหรับผู้ที่มีคะแนนรวมสูงสุดที่อายุต่ำกว่า  25   ปี
- สีรุ้ง  ( maillot arc-en-ciel )  สำหรับผู้ชนะการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก  ซึ่งมีกฏว่าจะต้องใส่เสื้อนี้เมื่อแข่งขันในประเภทเดียวกับที่ผู้แข่งนั้นเป็นแชมป์โลกอยู่
- เสื้อแบบพิเศษ  สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด  และชนะการแข่งขันช่วงย่อย  และจ้าวภูเขา

Du samedi 2 au dimanche 24 juillet 2011, le 98e Tour de France comprendra 21 étapes pour une distance de 3,430.5 kilomètres. 

21/7/55

Les saisons en France


               ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนาว   ในปีหนึ่งแบ่งออกเป็น  4  ฤดู   แต่ละฤดูจะกินเวลา  3  เดือน   วันเดือนที่กำหนดว่าเป็นวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละฤดูนั้น   จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นจริง ๆ   วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิบางปีในบางท้องถิ่นอากาศจะหนาวมากกว่าฤดูหนาวในบางถิ่น   ฤดูทั้ง  4  ของฝรั่งเศสมีดังนี้คือ

            1.  ฤดูใบไม้ผลิ   ( le  printemps )    

            ฤดูใบไม้ผลิเริ่มวันที่  21   มีนาคม   สิ้นสุดวันที่  21   มิถุนายน   ในฤดูนี้อากาศจะอบอุ่นขึ้น   ต้นไม้ที่โกร๋นปราศจากใบมาตลอดเวลา  3   เดือน   ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นจะเริ่มผลิใบ   การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมาก  ในเวลาไม่กี่วันหลังอากาศอบอุ่นต้นไม้จะผลิใบเขียวชอุ่ม   ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน   ในช่วงนี้จึงยังคงเก็บเสื้อโค้ตไม่ได้เพราะอากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้   บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง   อากาศจะดีจริง ๆ  ในเดือนพฤษภาคม   ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงาม   ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส   พระอาทิตย์ซึ่งไม่เคยปรากฏในฤดูหนาวเริ่มส่องแสง   ฤดูนี้ได้ชื่อว่าเป็นฤดูแห่งดอกไม้แห่งงานฉลองแห่งความรัก  ( la  saison  des  fleurs,  des  fêtes,  des  amours )   มีงานฉลองมากมาย   เช่น  พิธีรับศีลจุ่ม   พิธีแต่งงาน  ฯลฯ   สำหรับนักเรียนนักศึกษา   เดือนอากาศดีนี้หมายถึงการสอบปลายปีด้วย  แม้ว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่ทุกคนคิดว่าสวงาม  อากาศดี  แต่ก็เป็นฤดูที่อากาศไม่แน่นอน  อากาศจะเปลี่ยนแปลงจนไม่สามาถคาดหมายได้  แต่ฤดูใบไม้ผลิก็นับว่าเป็นฤดูที่ดีที่สุดฤดูหนึ่งของปี

            2.  ฤดูร้อน  ( l’été )    

            เริ่มวันที่  22   มิถุนายน   สิ้นสุดวันที่  22   กันยายน   ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก   เมื่อกลางวันยาว   กลางคืนก็สั้นประมาณ  6  7  ชั่วโมง   กลางวันยาวในที่นี้   หมายความว่า   พระอาทิตย์ตกดินช้า   สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด   เมื่อไม่มืดก็มีความรู้สึกว่ายังไม่ถึงกลางคืน  ในประเทศสแกนดิเนเวียนนั้นในฤดูร้อน   กว่าพระอาทิตย์ตกดินหรือจะมืดก็ประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน   กลางคืนจะยาวประมาณ  6  7  ชั่วโมง    ฤดูร้อนในฝรั่งเศสอากาศร้อน   ผู้คนจึงไปชายทะเล   ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งวันหยุด   ผู้คนเฝ้ารอฤดูนี้เพื่อจะได้ไปเที่ยวทะเล   เพื่อจะได้อาบแดด   เพื่อจะได้รับประทานผลไม้สด ๆ  เช่น  สตรอเบอรี่   แต่ในฤดูร้อนผลไม้ยังไม่อร่อย   ต้องรอให้ผลไม้สุกเสียก่อน   ฤดูร้อนบางปีอากาศอาจจะไม่ดีฝนตกบ่อย ๆ  ฤดูร้อนที่อากาศไม่ดีเรียกว่า   été  pourri   ความหมายก็บอกว่าไม่เพลิดเพลิน   เป็น  ฤดูร้อนที่เน่าเสีย   คาดว่า   “été  canicule”   หมายถึงช่วงต้นฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก   บางเมืองอากาศจะร้อนมาก   อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนในฝรั่งเศสประมาณ  30  องศาเซลเซียส   ซึ่งร้อนมากสำหรับประเทศหนาว   ทำให้คนอยากไป  vacances   โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างปารีส

            3.  ฤดูใบไม้ร่วง   ( l’automne )   

            ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นวันที่  23  กันยายน   สิ้นสุดวันที่  21   ธันวาคม   อากาศที่สดใส   แดดจ้าในฤดูร้อนเริ่มเปลี่ยน  ท้องฟ้าสีเทา  ลมแรง   ใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง   กลางวันสั้นมากขึ้น   กลางคืนยาวขึ้น   ใบไม้สีเหลือง   แห้งและร่วง   ฤดูใบไม้ร่วงก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ  อาจจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศดี   หรือฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศไม่ดี   คือ   ฝนอาจจะตกบ่อย   ตอนต้นฤดูอากาศมักจะดี   ตอนปลายฤดู คือ   เดือนพฤศจิกายนอากาศจะไม่ดี   ท้องฟ้าเป็นสีเทาและมืดครึ้ม   ตอนที่ใบไม้ร่วง   ต้นไม้โกร๋นเป็นตอนที่เศร้า   แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยฤดูหนึ่ง  เพราะใบไม้ที่เปลี่ยนสีทำให้ฟ้าสวยงามหาที่เปรียบไม่ได้   ป่าไม้ในฤดูใบไม้ร่วง  ( ตอนต้นและตอนกลางฤดู )   จะใช้คำขยายว่า  coloré   ซึ่งหมายถึงระบายด้วยสีประดับด้วยสี  ( อันสวยงาม )   ศิลปินมักจะให้ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยที่สุด   เนื่องจากสีใบไม้ที่เปลี่ยนสีแตกต่างกันมากมายหลายสี   ซึ่งธรรมชาติเท่านั้นจะทำได้  ทางใต้ของฝรั่งเศสอากาศจะไม่หนาว  แต่มีลมแรง  ทางใต้จึงสามารถปลูกต้นไม้ที่สู้ลมได้  เช่น  ต้นมะกอก ( Olivier )  ต้นโอ๊ค ( Chêne vert )  ต้นไม้ที่มีรากยาว ๆ เช่น  องุ่น  ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่ดีที่สุดของคนบางกลุ่ม  คนฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งที่ชอบล่าสัตว์จะถือปืนออกล่าสัตว์  ฤดูนี้เป็นช่วงที่คนในประเทศหนาวสามารถออกมาเดินกลางแจ้งได้  ก่อนที่ความหนาวจะคลืบคลานเข้ามา

            4.  ฤดูหนาว   ( l’hiver )    

            เริ่มวันที่  22  ธันวาคม   สิ้นสุดวันที่  20  มีนาคม   ปลายฤดูใบไม้ร่วง   กลางวันสั้นมากขึ้น   ท้องฟ้ามืดครึ้ม   ฤดูหนาวในประเทศหนาวหรือประเทศฝรั่งเศสคือ  ความหนาว   ฝนและหิมะ   แต่ฤดูหนาวก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ   เป็นฤดูที่คนบางกลุ่มเฝ้ารอ   นั่นคือผู้ที่ชอบกีฬาฤดูหนาวและผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว  เมืองที่อยู่บริเวณภูเขาและเป็นสถานีสกี  ( Stations de ski ) จะคึกคักและมีชีวิตชีวา  ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่ง  " Sports d'hiver "  ครอบครัวหรือโรงเรียนจะพาลูก ๆ และเด็ก ๆ  ไปเล่นสกีบนภูเขาในช่วง  " Vacances de neige "  ผู้ที่เดินทางโดยการขับรถที่อยู่ในเขตภูเขาที่มีหิมะตกจะต้องมี  pneus à clons  หรือ  roués avec chaine  ซึ่งเป็นยางรถที่ใช้บนถนนที่ลื่นด้วย  vergle ( ฝนปนหิมะ )  gel ( น้ำที่แข็งตัว )  และ  dégel ( น้ำแข็งที่ละลายแล้ว )  นอกจากเจ้าของรถจะต้องเตรียมรถของตนเองให้พร้อมที่จะแล่นไปบนถนนที่อันตรายแล้ว  ทางราชการก็เตรียม  chasse - neiges ( รถกวาดหิมะ )  เพื่อเปิดทางหากหิมะตกมาก ๆ  บนทางหลวงก็จะมีกระสอบทรายและกระสอบเกลือวางไว้ประจำจุด  ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่งการฉลอง  จะเห็นว่ามีเทศกาลหลายเทศกาลในฤดูนี้  เช่น  Fête de Saint - Nicolas ;  Noël ;  Nouvel An ;  Fête des Rois ;  Carnaval 

นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอากาศปานกลาง   ( le  climat  doux   et   tempéré )   ของยุโรปแล้ว   อากาศในฝรั่งเศสยังแตกต่างกันตามลักษณะภูมิประเทศ   และลักษณะที่เด่นคือ   ความไม่แน่นอน   อากาศแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน   และฤดูเดียวกันในแต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน

Fête de la France


Fête nationale de la France


...งานเทศกาลที่จัดกันในปัจจุบันล้วนเป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต หมู่บ้านแต่ละแห่งจะต้องมีงานฉลองของตน และในแต่ละเมืองจะต้องมีเทศกาลของดีของเด่นประจำปีไว้สนุกสนานกัน เช่น งานเดินขบวนคนยักษ์ (คนต่อขา) ของทางตอนเหนือของฝรั่งเศส งานคาร์นิวัลเมืองนีซ (Nice) งาน Ferias เมืองนีมส์ (Nîmes) และเมืองอาร์ล (Arles) งานประจำปีเมืองบายอน (Bayonne) หรือเมืองเบซิเยส์ (Béziers) ฯลฯ งานเหล่านี้เป็นที่รวมความสนุกสนานของชาวเมืองซึ่งยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาร่วมความบันเทิงด้วยกัน นอกจากงานเทศกาลต่างๆ ในเขตภูมิภาคแล้ว ฝรั่งเศสยังมีงานสำคัญประจำปีระดับชาติอีก งาน ซึ่งทุกเมืองจะเฉลิมฉลองพร้อมๆ กัน งานแรกคืองานวันชาติ 14 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันสำคัญที่เปิดตัวด้วยการสวนสนามของทหารเหล่าต่างๆ และจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ถนนชองส์-เอลิเซ่ส์ (Champs-Elysées) อันเลื่องชื่อของปารีส พอถึงกลางคืนจะมีการจุดดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา และมีงานเต้นรำที่สนุกสนานแบบฝรั่งเศสแท้ ส่วนตามเมืองใหญ่ๆ มักจัดการแสดงดนตรีกลางแจ้งให้ชมกันโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู งานใหญ่งานที่สองคือ เทศกาลดนตรีซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 มิถุนายน เทศกาลนี้เปิดโอกาสให้คนรักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นได้แสดงความสามารถกันเต็มที่และสุดเหวี่ยงในท้องถนนและทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเพลงคลาสสิค ละคร ละครสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เพียงเท่านี้คุณก็คงพอรู้แล้วว่าในฝรั่งเศสความสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นไม่มีการเว้นวรรคจริงๆ

สำหรับคนนอนไม่หลับ


...ราตรีที่หวานซึ้งหรือค่ำคืนที่เฮฮาเป็นบรรยากาศที่คุณเลือกได้ในสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง ถ้าคุณชอบดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเองแล้วล่ะก็ ตามเมืองใหญ่ๆ ของฝรั่งเศสมีบาร์ซึ่งเปิดเพลงทุกสไตล์ให้เลือกตามรสนิยม ทั้งลาติโน แจ๊ซ ไลท์ มิวสิค เว็บ เทคโน หรือแม้แต่เพลงอาหรับ... และถ้าใครยังไม่เหนื่อยอยากไปเต้นรำต่อ ก็ยังมีสถานบันเทิงขนาดยักษ์ที่เปิดเพลงมันๆ หลายสไตล์โดยดีเจจากทั่วโลก ให้นักดิ้นเท้าไฟได้สะบัดในทุกท่วงท่า ทั้งฮิปฮอป แจ็ซ โซล หรือเพลงแอฟริกัน ส่วนคุณที่ชอบลีลาศแบบหรูหรือบอลรูมแบบเก่าย้อนยุค ก็รับรองว่าไม่มีวันผิดหวัง และเมื่อยามเช้ามาถึงแต่คุณยังมีแรงเที่ยวต่อ ก็ยังมีที่ที่คุณจะได้สนุกส่งท้ายกันอีก

เทศกาล Carnaval de Nice


...มีจัดขึ้นทุก ๆ เดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลมาร่วมงานกันเยอะมากรถทัวร์จอดเรียงกันเป็นตับริมทะเล โรงแรมถูกจองเต็มทุกแห่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของทางเฟร้นช์ริเวียร่านี้เลยล่ะ ทางเมืองเขาทุ่มงบเต็มที่แต่ละปี เขาก็เปลี่ยน theme การแสดง ให้แตกต่างกันออกไป สำหรับ Theme ของปี 2010 คือ " King Of The Blue Planet " บรรดาขบวนพาเหรดน้อยใหญ่จึงถูกออกแบบขึ้นโดยเน้นสัตว์ในท้องทะเลเป็นหลักค่ะ รถทัวร์จอดเรียงกันเป็นตับริมทะเล โรงแรมถูกจองเต็มทุกแห่งถือเป็นงานใหญ่ประจำปีของทางเฟร้นช์ริเวียร่านี้เลยล่ะ ทางเมืองเขาทุ่มงบเต็มที่


เทศกาลละครที่ Avignon


...Avignon Theatre Festival สร้างโดย Jean Vilar ในปี 1947 เป็นปีองฤดูร้อนู้คนมักแวะพักันที่นี้และจำเป็นในชีวิตทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส




เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์


...เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ถือเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเทศกาลหนึ่ง และมีอิทธิพลมากที่สุด รวมถึงชื่อเสียงเทียบเคียงกับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน งานจัดขึ้นประจำปี ราวเดือนพฤษภาคม ที่ Palais des Festivals et des Congrés ในเมืองคานส์ ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส


สัญลักษณ์ประจำเทศกาล


พรมแดงในเมืองคานส์


บรรยากาศภายในงาน Cannes Film Festival 2010


เทศกาลการ์ตูนที่ Angoulème


...ประวัติเล็กน้อย นี้แน่นอนก็คือ Angoulême การ์ตูน City International และภาพที่บันทึกภาพการ์ตูนทั้งหมดที่ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส ประเภทของห้องสมุดแห่งชาติการ์ตูน ... และยังอย่างใดไม่มีอะไรจะ Angouleme เพื่อผูกความสัมพันธ์ให้ดีกับศิลปะที่ 9เมืองอุตสาหกรรมขนาดเล็กมี Angouleme ไม่มีการเชื่อมต่อโดยเฉพาะในจักรวาล 70s ต้นนี้ มันเริ่มต้นด้วยนิทรรศการง่ายๆเรื่อง"10 ล้านภาพ : ยุคทองของการ์ตูน"จัดในช่วงปลาย 1972 ใน Groux ริเริ่มของ Francis จากนั้นสมาชิกสภาเทศบาล เขามีความคิดที่จะโทร Claude Moliterni เพื่อให้ได้ภาพและเสียงสำหรับงานนิทรรศการ


...ในปีถัดไป, John Mardikian, รองนายกเทศมนตรีวัฒนธรรมคือการจัดปักษ์ของวรรณคดีที่ที่เขาสงวนสองวันพุธอุทิศให้กับการ์ตูน แม้นั้นของผู้เขียนที่มีชื่อเสียงมากขึ้นลักษณะที่ Angouleme ต่อไปความกระตือรือร้นที่ตามนั้นมันก็เพียงพอที่เนื่องจากปีนี้เทศกาลถูกสร้างขึ้นในรูปแบบปัจจุบัน มันหนักเสมอเพื่อเทศกาล Lucca ในเวลาที่ใหญ่ที่สุดของชนิดในยุโรปแล้วจะจัดโดยสมาคมประธาน Français Groux และมีเลขานุการเป็นผู้ใดนอกจาก John Mardikian ทั่วไป


...ความสำเร็จของงานเป็นผลมาจากการเปิดกว้างในการสไตล์ของ strip -การ์ตูน นอกจากนี้การกระจายอำนาจของกิจกรรมสามารถ goers งานใน เมืองจะช่วยให้งานที่กระจายไปพื้นที่ infinite จริงในขณะที่ช่วยให้ผู้เข้าชมจะผสมธุรกิจกับความสุขในการทำบางเที่ยว นอกจากว่าปีวิชาการและการประชุมอื่นๆ คูณในทุกวิชาจึงเพิ่มแผงซึ่งเป็นงานสาธารณะ



รูปภาพบรรยากาศภายในเทศกาลการ์ตูนAngoulème

Fête de la lavande



...กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลลาเวนเดอร์ประจำปีในแคว้นโพรวองซ์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาชมการเก็บเกี่ยว เลือกชม เลือกชิม เลือกซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรกร สาธิตการกลั่นลาเวนเดอร์ และขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์ ชมการแสดงพื้นเมือง ของชาวโพรวองซ์ ร่วมเก็บเกี่ยวลาเวนเดอร์จากทุ่งและนำกลับไป เป็นของที่ระลึกจากโพรวองซ์ พลาดไม่ได้กับการนั่งเฮลิคอปเตอร์ ชมทุ่งลาเวนเดอร์ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ... วันที่ 4 กรกฎาคม ที่เมือง Ferrassières ... วันที่ 18 กรกฎาคม ที่เมือง Valensole


Fête D'avignon


...เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1947 สำหรับงานหนังและละครประจำปี หากใครที่ชื่นชอบศิลปะการแสดง ละครโอเปร่า ดนตรีทุกสาขาจากทุกมุมโลก พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่จะมีลพครโอเปร่าดี ๆ รวมถึงละคร ดนตรี และการละเล่นอีกมากมาย จัดแสดงในพระราชวัง พระสันตะปาปา โรงละครเก่าแก่ประจำเมือง และหลาย ๆ มุมของ Avignon จัดแสดงทั้งวันและทุกวัน ในช่วงเทศกาลระหว่างวันที่ 7-27 กรกฎาคม